หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 คลี่คลาย สภาพเศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น จากภาวะความซบเซาในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ภาวะเงินเฟ้อ จากความต้องการสินค้าและบริการที่มีเพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนในการผลิตก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค รวมไปถึงนักลงทุน ความผันผวนต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้ต้องมีการพิจารณาเลือกซื้อและจัดพอร์ทการลงทุนกระจายความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเลือกสินทรัพย์ น่าลงทุนที่สร้างความคุ้มค่า มีเสถียรภาพความมั่นคง มีระดับความแปรปรวนที่ไม่สูงจนเกินไป
ซึ่งสำหรับผู้สนใจการลงทุนควรมีสินทรัพย์ น่าลงทุนติดพอร์ทไว้มีอะไรกันบ้าง มาติดตาม ทำความเข้าใจ และนำไปปรับใช้ในการดูแลเงินในกระเป๋าของตัวเองกันได้เลย
1. ตราสารหนี้
ตราสารหนี้เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ในตลาดทุนที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง มีความเสี่ยงต่ำ โดยในสภาวะที่เกิดเงินเฟ้อ หากผู้สนใจที่จะลงทุนในตราสารหนี้ ควรเลือกที่มีระยะเวลาในการถือครองที่สั้นลง เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาวะดอกเบี้ย ที่หากถือยาว อาจจะทำให้เงินที่ลงทุนไปมีมูลค่าที่ลดลง นอกจากนั้นควรเลือกประเภทตราสารหนี้ที่มีการปรับตัวมีการจ่ายดอกเบี้ยที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะเงินเฟ้อ อย่าง Floating Rate Bond หรือ Inflation Linked Bond
2. ทองคำ
อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าทองคำเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ทุกประเทศทั่วโลกให้การยอมรับ จึงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง โดยราคาทองคำจะเติบโตได้ดีในช่วงสภาวะเงินเฟ้อ การถือครองทองคำไว้ เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ทการลงทุน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนจากความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อมในสังคมโลก ที่ทำให้การลงทุนเกิดการสั่นคลอน โดยควรจัดสัดส่วนการถือครองทองคำให้อยู่ในระดับที่ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป เพื่อยังคงสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
3. อสังหาริมทรัพย์
ในสภาวะที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น อีกช่องทางในการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ไม่แพ้สินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ก็คือ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่ดินที่ราคาขยับสูงขึ้นในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะทำเลที่ดี อยู่ใกล้พื้นที่ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนา และมีผู้คนมาอาศัยอยู่เพิ่มขึ้น โดยผู้สนใจสามารถลงทุนได้ทั้งในทางตรง คือ การซื้อที่ดิน บ้าน คอนโด หรือจะถือครองทางอ้อมผ่านกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เช่นเดียวกัน
4. หุ้น
แม้ว่าสินทรัพย์ประเภทนี้จะมีความผันผวนสูง แต่ก็มาพร้อมกับผลตอบแทนและกำไรที่ไม่ธรรมดา หากนักลงทุนสนใจที่ต้องการลงทุนในหุ้นในช่วงที่เงินเฟ้อเติบโต ควรเลือกกลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน กลุ่มพลังงาน ซึ่งยังคงมีทิศทางในการเติบโต และขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังจากเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19
5. กองทุนรวม
สำหรับนักลงทุนที่มีเวลาค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่สามารถจะเทรดหุ้น เพื่อเก็งกำไร หรือลงทุนในระยะยาวแบบ VI ได้ อีกหนึ่งทางเลือกที่ยังคงสามารถลงทุนในธุรกิจซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ก็คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งในสภาะเงินเฟ้อเช่นนี้ ก็ควรพิจารณาเลือกกองทุนที่เกาะเทรนด์โลก อย่างกลุ่มพลังงานทางเลือก เทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ AI กลุ่มธุรกิจที่ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว
แม้ว่าจะเกิดสภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้แต่ละคนต้องประหยัดรายจ่าย เนื่องจากเงินที่หามาได้มีมูลค่าลดลง แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือวินัยในการลงทุน ที่ยังคงต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับผลประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งควรมีการปรับพอร์ทการลงทุนให้เกิดความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานะการณ์และควรหมั่นตรวจเช็คความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เงินที่ลงทุนไป ได้รับผลกระทบ และยังคงอยู่ในเส้นทางแห่งการเติบโต สร้างผลกำไรให้อย่างต่อเนื่อง
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจสอบสุขภาพการเงิน
