
การเป็นพนักงานกินเงินเดือน แม้จะมีรายรับเป็นประจำทุกเดือน แต่ในวันที่เกษียณ เงินที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ก็จะค่อย ๆ ตีบตันและหยุดลง การสร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ต่อเป้าหมายในอนาคตที่ต้องเตรียมพร้อม จึงเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ ต้องดำเนินการไว้แต่เนิ่น ๆ การลงทุนผ่านกองทุนรวม น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสม สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลจำกัด โดยสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินทรัพย์ที่ลงทุนตอบโจทย์ต่อเป้าหมายที่ต้องการ ก็คือ การสร้างพอร์ตการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนักลงทุนบางคนอาจจะยังไม่มีความเข้าใจในวิธีการ
นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้สร้างพอร์ตการลงทุน และนำไปลงมือทำกันได้ทันที
1. กระจายความเสี่ยง ด้วยความหลากหลายทั้งสินทรัพย์ ประเภทอุตสาหกรรม และประเทศ
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ” ยังคงเป็นวลีที่ติดอยู่ในหูของนักลงทุนทุกคน แน่นอนว่า การบริหารจัดการเพื่อกระจายความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่นักลงทุนสามารถยอมรับต่อผลกระทบได้ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจ และดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปในสินทรัพย์ ประเภทธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมไปถึงประเทศที่ไม่ได้มีผลกระทบถึงกันมากนัก
2. โฟกัสต่อเป้าหมาย แยกพอร์ต สั้น กลาง ยาว อย่างชัดเจน
การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนนั้น ผู้ลงทุนอาจจะมีเป้าหมาย และระยะเวลาในการคาดหวังผลตอบแทนที่แตกต่างกันออกไป โดยควรแยกพอร์ตแต่ละเป้าหมาย ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ออกจากกัน เพื่อให้สามารถเลือกสินทรัพย์ รวมไปถึงระดับความเสี่ยงที่สอดคล้องต่อเป้าหมาย ป้องกันการสูญเสียเงินต้น และยังช่วยรักษาผลตอบแทนให้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง ไม่สูญเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
3. จัดสรรสินทรัพย์ที่มีค่าความสัมพันธ์ผกผันตรงข้ามกันเพื่อสร้างสมดุลให้พอร์ต
อีกหนึ่งข้อมูลที่ควรจะนำมาพิจารณาก่อนเลือกกองทุนหรือหุ้นมาอยู่ในพอร์ตการลงทุนใด ๆ ก็คือ ค่าสหสัมพันธ์ หรือ Correlation ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบการศึกษาความสัมพันธ์ของการลงทุนในสินทรัพย์ตั้งแต่ 2 ประเภทขึ้นไป เพื่อหาความเชื่อมโยงที่จะสร้างผลกระทบถึงกัน โดยควรเน้นสินทรัพย์ที่มีค่าเป็น Negative หรือ มีค่าเป็น – ที่มีค่าความสัมพันธ์ผกผัน หรือไม่เชื่อมโยงกัน จะได้เป็นการกระจายความเสี่ยง
4. คำนึงถึงความสมดุลของความคุ้มค่าต่อความเสี่ยง ดีกว่ามองแค่เรื่องผลตอบแทน
คงไม่ปฏิเสธว่าผู้ลงทุนทุกคนมักจะคาดหวังที่จะได้รับผลตอบแทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่การลงทุนที่ได้ผลกำไรสูง ๆ ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้เงินทุกบาทที่ลงทุนไปเกิดความคุ้มค่า และลดโอกาสที่จะทำให้สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก นักลงทุนจึงควรโฟกัสไปที่ความคุ้มค่าต่อระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเอง จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
5. ทบทวนและปรับสมดุลพอร์ตให้ระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนตรงตามเป้าหมาย
การลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำนั้น จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ระดับตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป การลงทุนในระยะยาว สิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือการทบทวนผลลัพธ์ของการลงทุนเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินว่าสิ่งที่ได้ลงทุนไปนั้นยังอยู่ในเส้นทางที่จะตอบโจทย์ต่อเป้าหมายหรือไม่ หากผิดพลาดไป จะมีวิธีการปรับแผนอย่างไร เพื่อให้เป้าหมายที่มุ่งหวังไว้ยังเป็นจริงได้ และตรวจเช็คระดับความเสี่ยงของพอร์ตให้ยังอยู่ในระดับที่สมดุล ไม่สูงจนเกินไปด้วย
มนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บออมไม่มากนัก การลงทุนในแต่ละครั้งจึงต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างมืออาชีพ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อให้การลงทุนเกิดประสิทธิภาพ สร้างประสิทธิผล ทำให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนในทุก ๆ ระดับ สมกับความตั้งใจของแต่ละคน
อ่านเพิ่มเติม: ชีวิตหลังเกษียณ