แนะ 5 หลุมพลางที่นักการตลาดควรระวัง ก่อนจะทำธุรกิจพัง เพราะหลงผิด

by kanlongthun
นักการตลาดควรระวัง

ต้องยอมรับการทำธุรกิจ หรือขายสินค้าในปัจจุบัน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต ขายสินค้าหรือบริการได้ดี ก็คือการสื่อสารข้อมูลสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการเข้าถึง ดึงดูดใจ โน้มน้าวใจ และกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทหรือองค์กร การมียอดขายที่สม่ำเสมอ จึงเป็นตัวกระตุ้นให้องค์กรเกิดการขยายตัวและสามารถอยู่รอดได้ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่มีความรุนแรงจากการเติบโตของโลกดิจิตอล โดยยังคงมีนักการตลาดบางส่วนที่อาจจะยึดติดกับเทคนิคและรูปแบบเดิม ๆ จนกลายเป็นหลุมพลางที่นักการตลาดควรระวังที่เสี่ยงจะทำให้ธุรกิจพังได้

มาทำความเข้าใจกันดีกว่านักการตลาดควรระวัง เรื่องไหนที่ไม่ควรทำ 

1. ยังยึดติดกับสิ่งที่แบรนด์อยากบอก มากกว่าสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง 

One way communication อาจจะเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ใช้ได้ผลดีในอดีตที่ลูกค้ามีทางเลือกในการเสพสื่อค่อนข้างจำกัด แต่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหรือลูกค้าสามารถตัดทิ้งช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่น่าสนใจได้ตลอดเวลา โดยไม่ใยดี การสื่อสารแต่สิ่งที่แบรนด์สินค้าหรือบริการอยากพูด แต่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่ลูกค้าสนใจหรืออยากฟัง อาจจะกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะอาจจะเสียงงบประมาณด้านการตลาดไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่สามารถตอบโจทย์ด้านการตลาดได้จริง

2. สื่อสารเพื่อหวังพิชิตเป้าหมาย แต่กลายเป็นสร้างประสบการณ์ด้านลบ

หลายครั้งที่นักการตลาดทุ่มงบประมาณในการซื้อโฆษณา เพื่อหวังให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เยอะ ๆ แต่หากเป็นสิ่งที่ผู้เสพสื่อนั้น ๆ ไม่ได้สนใจ แต่พบเห็นสื่อจากแบรนด์นี้บ่อย ๆ ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่สร้างประสบการณ์แย่ ๆ แก่ผู้ที่แบรนด์คาดหวังจะให้มาเป็นลูกค้าได้ ดังนี้ สิ่งที่ต้องพึงระวังไว้เสมอ ก็คือ ทุก ๆ การสื่อสารจะต้องไม่เน้นแค่ปริมาณ แต่ควรเน้นคุณภาพด้วย

3. ใช้ช่องทางหลากหลายแต่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง

แม้ว่าในโลกยุคดิจิตอลจะมีสื่อหรือช่องทางการสื่อสารให้เลือกใช้มากมาย ทั้งที่ฟรี และต้องเสียตังค์ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าแบรนด์จะต้องลงทุนในการสร้างคอนเท้นต์และสื่อสารให้ครบทุกช่องทางเสมอไป สิ่งที่ควรจะโฟกัสมากกว่า ก็คือ พฤติกรรมหรือ Insight ของลูกค้าว่ามีการเสพข้อมูลผ่านสื่อใด ให้ความสนใจต่อรูปแบบ หรือเนื้อหาประเภทไหน และมีส่วนร่วมกับคอนเท้นต์ประเภทใด 

4. เน้นความเป็น Talk of the town แต่ไม่สามารถก้าวไปถึงความยั่งยืน

แม้ว่าความยิ่งใหญ่ อลังการ จะสร้างแรงกระเพื่อมทำให้คนจำนวนมากรู้จักอย่างกว้างขวาง แต่หลายครั้งก็เปรียบเสมือนการตำน้ำพริกละลายแม้น้ำ ที่เทียบกับงบประมาณที่เสียไปแล้ว อาจจะไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะการมองถึงความยั่งยืนในระยะยาว ที่แบรนด์อาจจะถูกลืมได้เพียงในระยะเวลาไม่กี่วัน เมื่อกระแสเหล่านั้นซาลง ชื่อเสียงและความมั่นคง จึงต้องเดินไปพร้อม ๆ กัน 

5. สื่อสารด้วยรูปแบบซ้ำซาก เดิม ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายขาดความสนใจ 

ผู้บริโภคหรือลูกค้ายุคใหม่ มีอะไรต่าง ๆ มากระตุ้นความสนใจให้เสียสมาธิอยู่ตลอดเวลา และไม่ชอบอะไรที่เป็นเรื่องเดิม ๆ ซ้ำซาก ชอบเสพความตื่นเต้น แปลกใหม่ และสร้างสรรค์ ดังนั้น แบรนด์ที่ยึดติดกับรูปแบบคอนเท้นต์ในสไตล์เดิม ๆ ที่เคยประสบความสำเร็จ อาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับยุคปัจจุบัน ที่ทุกคนต่างปั้นเนื้อหาที่โดนใจเข้ามาร่วมแข่งขันแย่งชิงเวลาของลูกค้าที่มีอยู่น้อยนิดไปครอง การเปลี่ยนแปลงคอนเท้นต์ โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญจึงเป็นเรื่องที่แบรนด์ควรใส่ใจ 

หลุมพลางทั้ง 5 หลุม อาจจะมีนักการตลาดหลายคนที่เผลอตกลงไป ด้วยความประมาท รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือละเลยการอัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค หรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจตัวเองได้ดียิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว หากรู้ว่าสิ่งใดที่ควรระวัง ก็ควรหลีกเลี่ยง และค้นหาการตลาดในรูปแบบที่ใช่มาทำให้ลูกค้าประทับใจ สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงต่อไป

อ่านเพิ่มเติม: ทักษะด้าน IT

เรื่องที่คล้ายกัน

Leave a Comment