
การขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์สินค้าที่สวยสะดุดตา สอดคล้องต่อลักษณะสินค้า และภาพลักษณ์ของแบรนด์ เป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดยอดขาย เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคสัมผัสได้เป็นอันดับต้น ๆ การเลือกบรรจุภัณฑ์สินค้าให้เหมาะสม และโดนใจลูกค้า จึงเป็นสิ่งที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรเรียนรู้
แล้วจะมีวิธีเลือกอย่างไร มาเรียนรู้ เจาะลึกทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
1. เลือกให้สอดคล้องกับลักษณะสินค้า
เนื่องจากสินค้าแต่ละชนิด มีลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น เครื่องสำอาง จะมีเรื่องของสมบัติทางเคมี ทั้งลักษณะกลิ่น สี ความเหนียวนืด ที่ต้องอาศัยบรรจุภัณฑ์ช่วยเก็บรักษาคุณสมบัติเหล่านี้ไว้ ส่วนสินค้าประเภทขนม ผักผลไม้ ก็จำเป็นต้องอาศัยการปกป้องดูแลไม่ให้ช้ำ แตกหัก เสียหาย ไปกับกระบวนการขนส่ง ซึ่งจำเป็นต้องมีบรรจุภัณฑ์ห่อหุ้มรับแรงกระแทกก่อน และต้องมีบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งอีกหนึ่งชั้นเพื่อให้สามารถบรรจุสินค้าได้เป็นจำนวนมาก การเลือกใช้จึงต้องเลือกสรรให้เหมาะกับลักษณะสินค้าที่ขาย
2. เลือกให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน
อีกหนึ่งด้านที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องใส่ใจในการเลือกบรรุจภัณฑ์นั้นคือ เรื่องของการใช้งานบรรจุภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เปิดใช้งานได้ง่าย วางได้สะดวก ไม่ล้ม หรือหล่นง่าย ขนาดพอดีกับสินค้า เก็บวาง และขนส่งได้สะดวก โดยต้องคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพราะหากผู้ใช้งานจริงไม่ประทับใจ ก็จะทำให้ยอดขายอาจจะไม่เป็นไปตามเป้า รวมทั้งส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบต่อสินค้า ที่จะไปถึงบุคคลผู้สนใจคนอื่น ๆ ได้ด้วย
3. เลือกจากวัสดุ ที่นำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์
คุณสมบัติเฉพาะของบรรจุภัณฑ์ ที่มาจากวัสดุแต่ละชนิดนั้น มีความเหมาะสมต่อสินค้าแตกต่างกัน โดยวัสดุสำหรับนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ทั่วไป จะมีหลัก ๆ 4 ชนิด ได้แก่ แก้ว เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับสินค้าประเภทของเหลว โดยมีข้อดีที่ทำความสะอาดได้ง่าย ป้องกันการดูดซึมของสิ่งต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนั้นยังสามารถนำมารีไซเคิลใช้ได้ใหม่ อย่างที่ 2 คือ กระดาษ เป็นบรรจุภัณฑ์เอนกประสงค์ที่ใช้ได้กับสินค้าหลายประเภท โดยมีข้อดี คือ น้ำหนักเบา ราคาไม่แพง ใช้งานสะดวก พับเก็บง่าย อย่างที่ 3 คือ โลหะ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความคงทนถาวร ใช้ได้นาน แต่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดการปนเปื้อนกับสินค้า และต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บค่อนข้างสูง และอย่างสุดท้าย คือ พลาสติก ซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาทำบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมีราคาถูก มีหลายรูปแบบ ลักษณะ แต่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
4. เลือกตามกลุ่มเป้าหมาย และภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้า
สินค้าแต่ละประเภทย่อมมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน การเลือกบรรจุภัณฑ์จึงต้องเลือกให้สอดคล้องต่อพฤติกรรมความชอบของกลุ่มเป้าหมายสินค้าประเภทนั้น ๆ ทั้งลักษณะรูปทรง สีสัน การใช้งาน นอกจากนั้นยังต้องออกแบบให้สอดคล้องต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้า ที่จะต้องสะดุดตา และบ่งบอกตัวตนสะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ผู้บริโภคมองด้วยตาแล้วจดจำได้ง่าย เมื่อนำไปวางกับแบรนด์อื่นๆ ต้องมีความแตกต่าง ไม่ซ้ำใคร
5. เลือกให้สอดคล้องกับการดูแลเก็บรักษา
สินค้าที่มีอายุการใช้งานได้ในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัยบรรจุภัณฑ์ที่ดีในการคงคุณสมบัติ และคุณประโยชน์ของสินค้าให้คงเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด การเลือกบรรจุภัณฑ์จึงต้องเลือกที่มีความแข็งแรงทนทาน ไม่ทำให้เกิดการปนเปื้อน หรือเสื่อมสภาพได้ง่าย ภายใต้ระดับความชื้น อุณหภูมิ และวิธีการเก็บรักษาที่เหมาะสม ซึ่งควรมีการระบุ และแจ้งให้ผู้บริโภคได้ทราบ และเก็บรักษาได้อย่างเหมาะสมถูกต้องด้วย
จะเห็นได้ว่าสินค้าแต่ละชนิด แต่ละประเภท ควรได้รับการบรรจุไว้ในบรรจุภัณฑ์สินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้ยังคงคุณค่า และคุณประโยชน์ตามที่ผู้บริโภคคาดหวัง รวมทั้งยังต้องเลือกให้เหมาะสมกับการสร้างคุณค่าทางการตลาด การสร้างแบรนด์ และที่สำคัญ คือเรื่องราคา ที่ต้องทำให้ต้นทุนสินค้าไม่สูงมากนัก เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
อ่านเพิ่มเติม: 5 เทคนิค บริการลูกค้าอย่างไรให้ได้ใจ จนกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้