
เพราะไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะสามารถมั่นใจได้ว่า หลังจากลูกน้อยเกิดมาจะมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย จนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลไปได้ตลอดจนโต ซึ่งหากต้องเข้ารับการรักษาตัวในแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการความสะดวกต่าง ๆ เช่น เข้าพักในห้องพิเศษ หรือมีพยาบาลมาดูแลอย่างใกล้ชิด การทำประกันสุขภาพลูกน้อยจึงเป็นทางออกที่สามารถลดความเสี่ยง ในการต้องสำรองเงินเยอะๆ ไว้จ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่จะเลือกแบบไหนให้คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด
มาเรียนรู้กันดีกว่าจะต้องใช้เงื่อนไขอะไรในการพิจารณา ซื้อประกันสุขภาพลูกน้อย
1. รายละเอียดความคุ้มครองที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดเจ็บป่วย
ในชีวิตจริงเราไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่า จะมีโรคไหนเกิดขึ้นกับลูกบ้าง เพราะมีโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของอวัยวะและระบบต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น ก่อนซื้อประกันสุขภาพให้เจ้าหนู ควรดูรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครองสุขภาพในแต่ละด้านอย่างละเอียด ทั้งสุขภาพโดยรวม และเจาะลึกไปยังโรคต่าง ๆ ที่อาจจะพบได้บ่อยในเด็ก ซึ่งหากต้องการป้องกันโรคเฉพาะทางอื่น ๆ ก็อาจจะต้องซื้อเพิ่มแยกต่างหากไป
2. การเบิกจ่ายค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล
อีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่สามารถเบิกได้ เช่น ค่าห้องพัก และค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงการดูแลอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ไม่ควรเลือกที่ทำให้ยอดรวมเบี้ยประกันน้อยแต่เพียงอย่างเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึง ทำให้การดูแลในด้านที่ต้องการลดทอนคุณภาพลงไปด้วย ซึ่งอาจจะขัดกับสิ่งที่ต้องการ วิธีที่ดีที่สุด หากสงสัย ควรสอบถามจากตัวแทนนายหน้าประกันให้ละเอียดจะดีที่สุด
3. เงื่อนไขในการตรวจสุขภาพ และระยะเวลาการรอคอย
เนื่องจากการซื้อประกันสุขภาพกับแต่ละบริษัทประกันจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกรมธรรม์จะระบุ ซึ่งโดยส่วนใหญ่หากซื้อประกันในรูปแบบที่มีทุนประกันสูง ๆ มักจะมีการระบุให้ต้องดำเนินการตรวจสุขภาพเบื้องต้นกับทางโรงพยาบาล ซึ่งหากผิดเงื่อนไข ก็อาจจะไม่สามารถทำประกันชนิดนั้น ๆ ได้ นอกจากนั้นหากสามารถทำได้ ก็จะมีเงื่อนไขด้านระยะเวลารอคอย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รอการอนุมัติกรมธรรม์ที่แต่ละบริษัทอาจจะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป
4. วงเงินที่เหมาะสม และการชำระเบี้ยประกัน
เบี้ยประกันสุขภาพในแต่ละปีมักจะมีระดับที่เท่ากันตามจำนวนปีที่กำหนด พ่อแม่ที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพให้ลูกน้อยจึงควรคำนวณงบประมาณที่สามารถจ่ายไหว และไม่ต้องแบกรับภาระมากจนเกินไป โดยหากต้องการลดเบี้ยประกันควรเลือกแบบแยกค่าใช้จ่าย แทนการเหมาจ่าย รวมทั้งพิจารณาเงื่อนไขการชำระเงินที่สะดวก เช่น เป็นเงินก้อนรายปี หรือสามารถแยกจ่ายเป็นรายเดือน หรือแบ่งจ่ายเป็นงวดได้
5. บริการหลังการขาย และการเลือกใช้บริการจากตัวแทนประกันที่น่าเชื่อถือ
การเลือกตัวแทนประกันที่น่าเชื่อถือ และให้บริการดูแลในทุกการเจ็บป่วย เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงบริการหลังการขายอื่น ๆ หากมีการดูแลเพิ่มเติมก็จะเป็นการดี เช่น มีของเยี่ยมไข้ หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มี Gift Set สุขภาพมอบให้ในโอกาสพิเศษต่าง ๆ หรืออาจจะเป็นของขวัญวันเกิด บริการตรวจสุขภาพ
การซื้อประกันสุขภาพแก่ลูกน้อย ถือเป็นการบริหารความเสี่ยง เพื่อลดทอนภาระค่าใช้จ่ายที่หากเกิดโรคร้ายแรง หรือประสบอุบัติเหตุที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจจะไม่มีเงินเพียงพอ การทำประกันชีวิตไว้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยได้ โดยก่อนเลือกซื้อ ก็ควรพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่นำมาแนะนำกันนี้ จะช่วยให้เลือกสิ่งที่ดี เพื่อลูกน้อย และคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปมากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม: เจาะลึก 5 เทคนิค ขายสินค้ายังไงให้โดนใจกลุ่ม B2B