5 เรื่องรอบรู้เสริมความเข้าใจ ประกันภัยสำหรับผู้กู้ซื้อบ้าน ที่ไม่ควรละเลย

by kanlongthun
ประกันภัยสำหรับผู้กู้ซื้อบ้าน

กว่าจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหนึ่งหลัง ทุกวันนี้ต้องแลกกับการเป็นหนี้ที่ยาวนานราว 30 ปี ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้บ้านที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจสร้างมาต้องพบกับภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ โจรปล้น น้ำท่วม หรือแม้แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการผ่อนบ้านเสียชีวิต ภาระหนี้สินอาจจะต้องตกมาเป็นของคนในครอบครัวที่ต้องแบกภาระต่อ ประกันภัยสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านจึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่ผู้กู้ซื้อบ้านจะละเลย ไม่ใส่ใจ เพราะปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านนั้นมีรอบด้าน ซึ่งยากที่จะหยั่งรู้ได้ว่าจะมีภัยชนิดใด เกิดขึ้นตอนไหน และเมื่อไหร่ การป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ต้น จึงเป็นหลักประกันที่จะช่วยลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องใดที่ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจกันบ้าง

มาติดตามประกันภัยสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านกันเลย 

1. ประกันภัยสำหรับบ้านจำเป็นไหม

ไม่ว่าจะซื้อบ้านในรูปแบบเงินกู้ หรือซื้อด้วยเงินสด สิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญเช่นเดียวกันก็คือ ความเสี่ยงที่จะมีเหตุที่ไม่คาดคิด สร้างความเสียหายให้แก่บ้านหลังสวย โดยที่ไม่มีใครตั้งใจอยากให้เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะตามมานั้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะคงไม่มีใครสำรองเงินไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อไว้สำหรับดูแลซ่อมแซมบ้านโดยเฉพาะ ทางออกที่ดี จึงควรมีการทำประกันรูปแบบต่าง ๆ เพื่อปกป้องจากเหตุความเสี่ยงในแต่ละประเภทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะดีกว่า 

2. ประกันภัยสำหรับบ้านมีกี่ประเภท

สำหรับประกันภัยที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านควรทำไว้หลัก ๆ มีด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งประกอบด้วย ประกันภัยคีภัย หรือป้องกันความเสี่ยงจากเหตุไฟไหม้บ้าน ประกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุพัดถล่ม และประกันสินเชื่อบ้าน ซึ่งมีไว้สำหรับกรณีผู้ยื่นกู้ซื้อบ้าน มีเหตุทำให้เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรไม่สามารถหาเงินมาผ่อนได้ ประกันชนิดนี้ก็จะรับหน้าที่จ่ายหนี้ ให้แก่ธนาคารที่ยื่นจดจำนองไว้แทนทั้งหมด

3. เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่

เบี้ยประกันภัยจะถูกจะแพงนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับราคาและทรัพย์สินภายในบ้าน ที่จะเป็นเงินตั้งต้นสำหรับการประเมินทุนประกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว เบี้ยประกันภัยต่อปี จะอยู่ที่ประมาณ 0.1 % ขึ้นอยู่กับสภาวะดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละธนาคารในขณะนั้น ซึ่งหากมีการซื้อประกันภัยที่ครอบคลุมทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมา เบี้ยประกันโดยรวมก็อาจจะถูกลงกว่าซื้อแบบเดี่ยว ๆ ได้ 

4. ควรเลือกประกันภัยสำหรับบ้านอย่างไร

สำหรับผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องพิจารณาเลือกทำประกันสำหรับบ้านนั้น ควรเลือกทำประกันให้ครอบคลุมความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ตามศักยภาพและความสามารถที่จะจ่ายได้ โดยควรพิจารณาวงเงินทุนประกันให้อยู่ที่ราว 70 % ของมูลค่าบ้านและทรัพย์สิน โดยไม่ควรเลือกทุนประกันที่สูงเกินกว่ามูลค่าบ้าน ซึ่งจะเป็นการเสียเงินส่วนเกินไปเปล่า ๆ แต่ก็ไม่ควรเลือกทุนประกันที่ต่ำกว่ามูลค่าบ้านมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ต้องเตรียมเงินสำรองไว้เผื่อ หากเงินสินไหมชดเชยที่ได้รับไม่เพียงพอ 

5. ประกันภัยสำหรับบ้านต้องทำกับใคร ทำแล้วใครได้รับประโยชน์ 

ในการยื่นขอทำประกันภัยสำหรับบ้านนั้น ปกติผู้ที่ยื่นขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารต่าง ๆ จะมีการเสนอขอทำให้ทำประกันกับบริษัทในเครือ หรือพันธมิตรด้วยอยู่แล้ว ซึ่งการทำไปพร้อมกันการกู้เงิน ก็จะทำให้การดำเนินการสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่หากผู้ที่ซื้อด้วยเงินสด ก็อาจจะสามารถพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยที่มีข้อเสนอน่าสนใจด้วยตัวเองได้ โดยผลประโยชน์นั้นในช่วงที่อยู่ระหว่างการผ่อน จะตกเป็นของธนาคาร แต่หากผ่อนเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะเป็นของผู้เป็นเจ้าของบ้าน 

แม้ว่ามองเผิน ๆ การทำประกันภัยเหมือนจะเป็นการนำเงินไปจ่ายทิ้ง สำหรับในสภาวะเหตุการณ์ปกติคงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเกิดเหตุที่สร้างความเสียหายต่อตัวบ้านขึ้นมา ย่อมเป็นปัญหาที่สร้างความปวดหัว ให้กับผู้เป็นเจ้าของอย่างแน่นอน ดังนั้น ประกันภัย จึงเปรียบเสมือนตัวช่วยในการซับแรงไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรง และทำให้มีหลักประกันว่าหากมีความเสียหายเกิดขึ้น จะมีเงินมาดูแลซ่อมแซมให้กลับมาสู่สภาวะปกติได้ดังเดิม

อ่านเพิ่มเติม: พฤติกรรมที่ต่อการลงทุน

เรื่องที่คล้ายกัน

Leave a Comment