
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า “เงิน” ไม่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต เพราะทุกวันนี้การซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้เงินในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทบทั้งสิ้น การทำงานเพื่อหาเงินเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงต่อที่จะสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองและครอบครัวได้ จำเป็นอาศัยการออมเข้ามามีส่วนสนับสนุน เพื่อให้มีเงินสะสมสำหรับเป็นทุนสำรองในยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ ที่ตัวเองต้องการ แต่สำหรับมือใหม่อาจจะงง ๆ และสงสัยว่าจะมีแหล่งเก็บเงินที่ไหนที่จะได้ทั้งความปลอดภัย และมีโอกาสทำให้เงินที่สะสมมานั้นให้เติบโต สร้างผลกำไรคืนให้ด้วยในเวลาเดียวกัน
มาติดตามแหล่งเก็บเงินออมกันดีกว่าว่า มีตัวเลือกอะไรที่น่สนใจกันบ้าง
1. บัญชีเงินฝากปลอดภาษี สำหรับผู้ที่ฐานภาษีสูง
หนึ่งในตัวเลือกที่ง่าย และทำให้สามารถออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอ ก็คือ การเปิดบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี ที่นอกจากจะสร้างผลกำไรจากดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฝากแล้ว ยังได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินฝาก ซึ่งต่างจากบัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ที่ต้องเสียภาษีในอัตรา 15 % ของยอดดอกเบี้ยที่ได้รับ โดยการเปิดบัญชีเงินฝากประเภทนี้ต้องมีการฝากเงินเป็นประจำทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน และจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด เมื่อครบระยะเวลาตามเงื่อนไขเท่านั้น
2. บัญชีเงินฝากดิจิตอล สำหรับผู้ต้องการสภาพคล่องสูง แต่ความเสี่ยงต่ำ
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การเปิดบัญชีเงินฝากแบบดิจิตอล ก็เป็นรูปแบบการเก็บสะสมเงินที่ทำให้ผู้สนใจออมเงินยุคใหม่สามารถทำได้ง่าย โดยไม่ต้องมีการเปิดบัญชีที่ต้องมีสมุดคู่ฝาก ซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยเยอะกว่าบัญชีออมทรัพย์แบบธรรมดา โดยธนาคารมักจะกำหนดยอดเงินฝากซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยสุดสุด ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร นอกจากนั้นยังสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นฝาก ถอน โอน จ่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
3. กองทุนรวมตราสารหนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนในบัญชีเงินฝากธนาคาร อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจก็คือ กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่าง ๆ มีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย โดยผู้ซื้อจะอยู่ในสถานะผู้ให้กู้ หรือเจ้าหนี้ของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐ หรือเอกชน ที่ออกพันธบัตรรัฐบาล หรือเงินกู้ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบดอกเบี้ย ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะอยู่ในอัตราประมาณ 1.5 – 3 เปอร์เซนต์ต่อปี
4. ประกันแบบสะสมทรัพย์ สำหรับผู้ที่หวังสร้างวินัยการออมระยะยาว
สำหรับคนที่ต้องการออมเงิน ไปพร้อม ๆ กับการได้รับความคุ้มครองชีวิต การซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า ซึ่งเมื่อครบอายุประกัน ผู้ซื้อก็จะได้รับเงินคืนตามที่มีการระบุไว้ในกรมธรรม์ หรืออาจจะมีการเฉลี่ยคืนเป็นระยะ เป็นช่วง ๆ ไป แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทผู้ให้บริการ โดยระยะเวลาการจ่ายเงินและความคุ้มครอง ก็มีให้เลือกหลากหลายตามแต่ผู้ใจต้องการ โดยการซื้อประกันยังสามารถนำยอดค่าใช้จ่ายไปใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้อีกด้วย
5. ประกันแบบสะสมเงินบำนาญ สำหรับผู้ต้องการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ที่ไม่สามารถทำงานได้ หรือเลยวัยทำงานแล้ว การมีเงินเก็บออมเพื่อไว้ใช้จ่าย ก็มีความสำคัญไม่แพ้ช่วงเวลาอื่น ๆ ของชีวิต การทำประกันแบบสะสมเงินบำนาญ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้หลังจากเกษียณแล้ว ยังมีเงินรายได้มาประทังชีวิต นำมาเป็นต้นทุนในการจับจ่ายซื้อหาสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ โดยรูปแบบการทำประกันแบบนี้ จำเป็นต้องมีการจ่ายเงินเป็นรายปี โดยเมื่อครบอายุกรมธรรม์ อาจจะอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก็จะมีการจ่ายเงินคืนแก่ผู้ทำประกันเป็นงวด ๆ ตามที่ได้มีการระบุไว้
การออมเงินแต่ละประเภทที่กล่าวมานี้ ก็จะมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสนใจและความต้องการของผู้ที่มุ่งหวังจะเก็บเงินสะสมเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ จะเลือกนำมาใช้ สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันก็คือ การมุ่งที่จะสร้างวินัยในการออม โดยมีระยะเวลาในการสะสมเงินเข้าสู่บัญชีอย่างสม่ำเสมอ และส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถรักษาเงินต้นไว้ได้ ซึ่งการจะพิจารณาเลือกออมเงินแบบไหน ควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละชนิดให้รอบคอบครบถ้วน เพื่อป้องกันการเสียโอกาส จากความเข้าใจผิด ซึ่งอาจจะทำให้พลาดเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้
อ่านเพิ่มเติม: Influencer Marketing